ปี 1 เรียน 7 วิชา วิชาละ 3 หน่วยกิต รวมเป็น 21 หน่วยกิต
แบ่งเป็นวิชาหลัก 5 วิชา และวิชาเลือก 2 วิชา
1.Calculus for Computer Science
วิชาแคลคูลัส อันเป็นที่โปรดปรานของใคร หลายๆคนนั่นเอง อิอิ [ เรียน 1 คาบ(3 ชม.)/สัปดาห์ ] วิชานี้จะแบ่งเนื้อหาเป็นก่อน midterm และหลัง midterm ซึ่งก่อนมิดเทอมก็จะเรียน ลิมิต และอนุพันธ์ของฟังก์ชัน (ดิฟ) เป็นหลัก เนื้อค่อนข้างยากและงงสำหรับผู้ที่ไม่ถนัด แต่ถ้าตั้งใจเรียนจริงๆ ก็จะเข้าใจ step ในการทำโจทย์อย่างกระจ่าง เน้นฝึกทำโจทย์เยอะๆ หาโจทย์มาจากอินเทอร์เน็ต และอย่าขาดเรียนเป็นอันขาด เพราะถ้าขาดไป 1 คาบ อาจจะทำให้เราไม่เข้าใจและตามไม่ทันเพื่อนเลยทีเดียว ส่วนข้อสอบ midterm จะเป็นอัตนัย(ข้อเขียน) ล้วน สิบกว่าข้อ ข้อละ 5-10 คะแนน โจทย์ในข้อสอบจะอยู่ในขอบเขตที่เรียน และจะมีข้อปราบเซียนอยู่ 1-2 ข้อ ก็จะเป็นข้อที่ดูยุ่งยากที่สุดเท่าที่อาจารย์ได้สอนมานั่นแหละครับ คะแนนเต็ม 110 คะแนน เก็บ 40 คะแนน และจะมีคนที่ได้คะแนนสูงๆ กันเยอะ แต่ถ้าคนที่ทำไม่ได้ก็จะได้ต่ำไปเลย ตอนนั้นคะแนนสูงสุด คือ 110 ต่ำสุด คือ 1 คะแนน
ส่วนเนื้อหาหลังมิดเทอมก็จะเรียนอินทิเกรตเป็นหลัก ซึ่งจะยากกว่าดิฟไปอีก ใครที่ดิฟไม่ได้ก็จะอินทิเกรตไม่ได้ไปด้วย ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน สิบกว่าข้อ และเต็ม 110 คะแนนเช่นเดิม (เก็บ 50 คะแนน) + คะแนนงานอีก 10 คะแนน เป็น 100 คะแนนพอดี
วิชาแคลคูลัส อันเป็นที่โปรดปรานของใคร หลายๆคนนั่นเอง อิอิ [ เรียน 1 คาบ(3 ชม.)/สัปดาห์ ] วิชานี้จะแบ่งเนื้อหาเป็นก่อน midterm และหลัง midterm ซึ่งก่อนมิดเทอมก็จะเรียน ลิมิต และอนุพันธ์ของฟังก์ชัน (ดิฟ) เป็นหลัก เนื้อค่อนข้างยากและงงสำหรับผู้ที่ไม่ถนัด แต่ถ้าตั้งใจเรียนจริงๆ ก็จะเข้าใจ step ในการทำโจทย์อย่างกระจ่าง เน้นฝึกทำโจทย์เยอะๆ หาโจทย์มาจากอินเทอร์เน็ต และอย่าขาดเรียนเป็นอันขาด เพราะถ้าขาดไป 1 คาบ อาจจะทำให้เราไม่เข้าใจและตามไม่ทันเพื่อนเลยทีเดียว ส่วนข้อสอบ midterm จะเป็นอัตนัย(ข้อเขียน) ล้วน สิบกว่าข้อ ข้อละ 5-10 คะแนน โจทย์ในข้อสอบจะอยู่ในขอบเขตที่เรียน และจะมีข้อปราบเซียนอยู่ 1-2 ข้อ ก็จะเป็นข้อที่ดูยุ่งยากที่สุดเท่าที่อาจารย์ได้สอนมานั่นแหละครับ คะแนนเต็ม 110 คะแนน เก็บ 40 คะแนน และจะมีคนที่ได้คะแนนสูงๆ กันเยอะ แต่ถ้าคนที่ทำไม่ได้ก็จะได้ต่ำไปเลย ตอนนั้นคะแนนสูงสุด คือ 110 ต่ำสุด คือ 1 คะแนน
ส่วนเนื้อหาหลังมิดเทอมก็จะเรียนอินทิเกรตเป็นหลัก ซึ่งจะยากกว่าดิฟไปอีก ใครที่ดิฟไม่ได้ก็จะอินทิเกรตไม่ได้ไปด้วย ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน สิบกว่าข้อ และเต็ม 110 คะแนนเช่นเดิม (เก็บ 50 คะแนน) + คะแนนงานอีก 10 คะแนน เป็น 100 คะแนนพอดี

2.Elementary Statistics
วิชาสถิติพื้นฐานนั่นเอง [ เรียน 1 คาบ(3 ชม.)/สัปดาห์ ] อยากจะบอกว่าเป็นวิชาที่มีเนื้อหาเยอะมากๆๆๆๆ กินหน่วยความจำในสมองเยอะมาก เรียนไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากมากสำหรับคนที่ตั้งใจ ถ้าอยากจะเรียนให้เข้าใจจริงๆ แนะนำให้เรียนเรื่องเดียวหลายๆ ครั้ง คือไปเรียนรวมกับกลุ่มอื่นในสาขาเดียวกันกับเราอีกครั้ง ข้อสอบมิดเทอมเป็นข้อสอบปรนัยล้วนมีทั้งทฤษฎี(20%) และคำนวณ(80%) จำนวน 60 ข้อ เก็บ 40 คะแนน ข้อสอบไม่ยากแต่ต้องเป๊ะ! คะแนนงานอีก 10 คะแนน ส่วนข้อสอบ Final เก็บ 50 คะแนน
วิชาสถิติพื้นฐานนั่นเอง [ เรียน 1 คาบ(3 ชม.)/สัปดาห์ ] อยากจะบอกว่าเป็นวิชาที่มีเนื้อหาเยอะมากๆๆๆๆ กินหน่วยความจำในสมองเยอะมาก เรียนไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากมากสำหรับคนที่ตั้งใจ ถ้าอยากจะเรียนให้เข้าใจจริงๆ แนะนำให้เรียนเรื่องเดียวหลายๆ ครั้ง คือไปเรียนรวมกับกลุ่มอื่นในสาขาเดียวกันกับเราอีกครั้ง ข้อสอบมิดเทอมเป็นข้อสอบปรนัยล้วนมีทั้งทฤษฎี(20%) และคำนวณ(80%) จำนวน 60 ข้อ เก็บ 40 คะแนน ข้อสอบไม่ยากแต่ต้องเป๊ะ! คะแนนงานอีก 10 คะแนน ส่วนข้อสอบ Final เก็บ 50 คะแนน
3.Programming Fundamentals
วิชาโปรแกรมมิ่งหรือที่เรียกกันว่า JAVA เพราะเรียนเขียนโปรแกรมภาษา JAVA นั่นเอง [ เรียนทฤษฎี 1 คาบ(2 ชม.) ต่อด้วย ปฏิบัติ(Lab) อีก 1 คาบ(2 ชม.) /สัปดาห์ ] เป็นวิชาที่สำคัญมากสำหรับนักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเป็นวิชาที่ไม่ควรดรอป เพราะเทอม 2 จะมีวิชาที่ชื่อว่า Object-Oriented Programming ซึ่งถ้าไม่เรียนวิชา Programming Fundamentals ก็จะลงเรียน Object-Oriented Programming ไม่ได้
วิชาโปรแกรมมิ่งนี้ ถ้าจะให้เรียนรู้เรื่องและเข้าใจ ก็จะต้องฝึกเขียนโปรแกรม และทบทวนโปรแกรมที่อาจารย์สอนบ่อยๆ สิ่งที่เรียนก็จะเป็นการเขียนโปรแกรมภาษา JAVA ขั้นพื้นฐาน มีตั้งแต่เขียนโปรแกรมรับค่า-แสดงค่า String Method จนถึง Array 2 มิติ และที่สำคัญคือไม่ควรโดดคาบปฏิบัติ เพราะจะเป็นคาบที่อาจารย์สอนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย แต่จะเอาไปออกข้อสอบถึง 40% ส่วนมากคนที่ทำข้อสอบไม่ได้ก็เป็นเพราะชอบโดด Lab กันนั่นแหละ อิอิ
ข้อสอบมิดเทอมและไฟนอลจะเป็นอัตนัยทั้งหมด โดยมีทั้งเติมคำ และเขียนโปรแกรม ข้อสอบไม่เยอะ แต่ข้อสอบแต่ละข้อคะแนนเยอะมาก (ข้อละ 5-10 คะแนน ไม่หาร) เต็ม 40 คะแนน เก็บ 40 คะแนน ส่วนข้อสอบไฟนอลก็เหมือนกัน แต่เก็บ 60 คะแนน ไม่มีคะแนนงาน
วิชาโปรแกรมมิ่งหรือที่เรียกกันว่า JAVA เพราะเรียนเขียนโปรแกรมภาษา JAVA นั่นเอง [ เรียนทฤษฎี 1 คาบ(2 ชม.) ต่อด้วย ปฏิบัติ(Lab) อีก 1 คาบ(2 ชม.) /สัปดาห์ ] เป็นวิชาที่สำคัญมากสำหรับนักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเป็นวิชาที่ไม่ควรดรอป เพราะเทอม 2 จะมีวิชาที่ชื่อว่า Object-Oriented Programming ซึ่งถ้าไม่เรียนวิชา Programming Fundamentals ก็จะลงเรียน Object-Oriented Programming ไม่ได้
วิชาโปรแกรมมิ่งนี้ ถ้าจะให้เรียนรู้เรื่องและเข้าใจ ก็จะต้องฝึกเขียนโปรแกรม และทบทวนโปรแกรมที่อาจารย์สอนบ่อยๆ สิ่งที่เรียนก็จะเป็นการเขียนโปรแกรมภาษา JAVA ขั้นพื้นฐาน มีตั้งแต่เขียนโปรแกรมรับค่า-แสดงค่า String Method จนถึง Array 2 มิติ และที่สำคัญคือไม่ควรโดดคาบปฏิบัติ เพราะจะเป็นคาบที่อาจารย์สอนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย แต่จะเอาไปออกข้อสอบถึง 40% ส่วนมากคนที่ทำข้อสอบไม่ได้ก็เป็นเพราะชอบโดด Lab กันนั่นแหละ อิอิ
ข้อสอบมิดเทอมและไฟนอลจะเป็นอัตนัยทั้งหมด โดยมีทั้งเติมคำ และเขียนโปรแกรม ข้อสอบไม่เยอะ แต่ข้อสอบแต่ละข้อคะแนนเยอะมาก (ข้อละ 5-10 คะแนน ไม่หาร) เต็ม 40 คะแนน เก็บ 40 คะแนน ส่วนข้อสอบไฟนอลก็เหมือนกัน แต่เก็บ 60 คะแนน ไม่มีคะแนนงาน
4.Computer Science
วิชาที่มีชื่อเดียวกับสาขา นั่นคือวิทยาการคอมพิวเตอร์นั่นเอง [เรียน 1 คาบ(4 ชม.)/สัปดาห์ ] เป็นวิชาที่เรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน เช่น ระบบปฏิบัติการ เครือข่ายอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์กราฟิก แถมด้วยภาษาซี เป็นต้น และเป็นวิชาที่มีอาจารย์ผู้สอนเยอะมาก(บางรุ่นมีมากถึง 7 คน) เนื้อหาไม่ยาก แต่ต้องทำความเข้าใจให้ดีๆ เพราะข้อสอบจะออกแนววิเคราะห์(จำอย่างเดียวไปสอบไม่ได้) ข้อสอบมิดเทอมมีทั้งปรนัยและอัตนัย เก็บ 30 คะแนน + คะแนนงานอีก 10 คะแนน และข้อสอบไฟนอลมีแต่ปรนัย เก็บ 60 คะแนน
วิชาที่มีชื่อเดียวกับสาขา นั่นคือวิทยาการคอมพิวเตอร์นั่นเอง [เรียน 1 คาบ(4 ชม.)/สัปดาห์ ] เป็นวิชาที่เรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน เช่น ระบบปฏิบัติการ เครือข่ายอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์กราฟิก แถมด้วยภาษาซี เป็นต้น และเป็นวิชาที่มีอาจารย์ผู้สอนเยอะมาก(บางรุ่นมีมากถึง 7 คน) เนื้อหาไม่ยาก แต่ต้องทำความเข้าใจให้ดีๆ เพราะข้อสอบจะออกแนววิเคราะห์(จำอย่างเดียวไปสอบไม่ได้) ข้อสอบมิดเทอมมีทั้งปรนัยและอัตนัย เก็บ 30 คะแนน + คะแนนงานอีก 10 คะแนน และข้อสอบไฟนอลมีแต่ปรนัย เก็บ 60 คะแนน

5.Foundation English 1
วิชาอังกฤษพื้นฐาน 1 [เรียน 1 คาบ(3 ชม.)/สัปดาห์ ] จะเรียนเหมือน ม.ปลายเลย คือเรียน Tense ธรรมดาๆ แต่ไม่ครบ 12 tense และคำศัพท์อีกมากมาย วิชานี้ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละคน แต่สำหรับใครที่ไม่เก่งอังกฤษ ก็ให้มาเริ่มใหม่ที่มหาลัยได้เพราะ จะเริ่มเรียนเรื่องง่ายๆก่อน ข้อสอบมิดเทอมและไฟนอลเป็นปรนัยล้วน จะมีในส่วนของ Tense Vocab และ Reading ซึ่งส่วนที่ยากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Reading เพราะเป็น Unseen Reading(บทความที่ไม่เคยเห็นมาก่อน) วิชานี้ตัดเกรดอิงกลุ่มรวมทั้งมหาลัย ได้ A ค่อนข้างยาก แต่ถ้าคนเก่งอยู่แล้ว ได้ A สบายๆ อิอิ
วิชาอังกฤษพื้นฐาน 1 [เรียน 1 คาบ(3 ชม.)/สัปดาห์ ] จะเรียนเหมือน ม.ปลายเลย คือเรียน Tense ธรรมดาๆ แต่ไม่ครบ 12 tense และคำศัพท์อีกมากมาย วิชานี้ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละคน แต่สำหรับใครที่ไม่เก่งอังกฤษ ก็ให้มาเริ่มใหม่ที่มหาลัยได้เพราะ จะเริ่มเรียนเรื่องง่ายๆก่อน ข้อสอบมิดเทอมและไฟนอลเป็นปรนัยล้วน จะมีในส่วนของ Tense Vocab และ Reading ซึ่งส่วนที่ยากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Reading เพราะเป็น Unseen Reading(บทความที่ไม่เคยเห็นมาก่อน) วิชานี้ตัดเกรดอิงกลุ่มรวมทั้งมหาลัย ได้ A ค่อนข้างยาก แต่ถ้าคนเก่งอยู่แล้ว ได้ A สบายๆ อิอิ
อีกสองวิชาเป็นวิชาเลือก
วิชาเลือกวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
6.Computer for Daily Life
วิชาคอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน [เรียน 1 คาบ(3 ชม.)/สัปดาห์ ] เป็นวิชาที่ง่ายมากสำหรับเด็กวิทย์คอม เพราะเรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน คล้ายวิชา Computer Science แต่ง่ายกว่ามากๆ (เรียนคล้ายๆเด็ก IT) เช่น LAN , Internet, Database, CG เป็นต้น ข้อสอบแล้วแต่อาจารย์ แต่ข้อสอบไม่ยากเลยถ้าเป็น นศ.วิทย์คอม ต้องทำได้แน่ๆ (แต่ถ้าเป็น นักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์ อาจโดนกดเกรดซักหน่อย เช่น จากที่สมควรได้ A ก็จะได้ B+ ดังนั้นเลือกเรียนวิชาเลือกตัวอื่นจะดีกว่าครับ อิอิ)
วิชาคอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน [เรียน 1 คาบ(3 ชม.)/สัปดาห์ ] เป็นวิชาที่ง่ายมากสำหรับเด็กวิทย์คอม เพราะเรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน คล้ายวิชา Computer Science แต่ง่ายกว่ามากๆ (เรียนคล้ายๆเด็ก IT) เช่น LAN , Internet, Database, CG เป็นต้น ข้อสอบแล้วแต่อาจารย์ แต่ข้อสอบไม่ยากเลยถ้าเป็น นศ.วิทย์คอม ต้องทำได้แน่ๆ (แต่ถ้าเป็น นักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์ อาจโดนกดเกรดซักหน่อย เช่น จากที่สมควรได้ A ก็จะได้ B+ ดังนั้นเลือกเรียนวิชาเลือกตัวอื่นจะดีกว่าครับ อิอิ)
วิชาเลือกมนุษย์ศาสตร์
7. Human Relations
วิชามนุษย์สัมพันธ์ [เรียน 1 คาบ(3 ชม.)/สัปดาห์ ] วิชานี้เป็นวิชาที่คนเรียนเยอะมากๆ และมีหลายกลุ่ม เรียนเกี่ยวกับมนุษย์สัมพันธ์ทั่วไป เรียนสบายๆ ไม่มีสอบกลางภาค แต่มีสอบปลายภาค เป็นอัตนัยล้วนๆ เก็บ 60 คะแนน ซึ่ง อีก 40 คะแนนก็อาจมาจาก การเข้าเรียน + คะแนนงาน
วิชามนุษย์สัมพันธ์ [เรียน 1 คาบ(3 ชม.)/สัปดาห์ ] วิชานี้เป็นวิชาที่คนเรียนเยอะมากๆ และมีหลายกลุ่ม เรียนเกี่ยวกับมนุษย์สัมพันธ์ทั่วไป เรียนสบายๆ ไม่มีสอบกลางภาค แต่มีสอบปลายภาค เป็นอัตนัยล้วนๆ เก็บ 60 คะแนน ซึ่ง อีก 40 คะแนนก็อาจมาจาก การเข้าเรียน + คะแนนงาน
วิชาที่ 6 จขกท. ได้ B+ มาแทน A รึเปล่าน้า ?
ตอบลบพี่ครับ เราจะได้เรียนเกี่ยวกับอัลกอริทึมและภาษาCไหมครับ
ตอบลบมีเรียนมีชาอัลกอริทึมเป็นวิชาหลักของภาคปี2เทอม2ครับ
ลบส่วนภาษาซีจะมีเป็นวิชาเลือกภาคปี2เทอม2 เช่นกันครับ
แต่ภาษาซีก็มีอยู่ในวิชาเลือกวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ด้วยเหมือนกันครับ